มาก่อกันกับ Road to Kokeshi คอลัมน์พิเศษปูทางก่อนถึงคอนเสิร์ต Kokeshi Live in Bangkok ที่เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับเหล่า opening acts แต่ละวงให้มากขึ้นกันอีกเล็กน้อยก่อนถึงวันงาน ก่อนหน้านี้เราเขียนถึงวงโพสต์แบล็กเมทัลไฟแรงสูง Sinners Turned Saints และวงโพสต์ฮาร์ดคอร์สายทำลายล้างอย่าง Ugoslabier กันไปแล้ว ในบทตอนที่สามที่ทุกท่านกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับโคตรวงเมทัลแห่งแดนเหนือชื่อว่า “G6PD”
หากพูดถึงความกัดฟันอดทนสู้ในวงการเพลงไทย การที่คุณไม่ได้เล่นดนตรีกระแสหลัก คือความยากอันดับแรก และความยากลำดับถัดมาคือการไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงประชากรล้นเกินรับไหวอย่างกรุงเทพมหานคร เพราะผลลัพธ์ของเรื่องนี้คือการที่ซีนดนตรีในแนวที่ชื่นชอบจะเล็กลงไปอีกหลายเท่าตัว และทำให้การรวมตัวกันทำวงดนตรีเมทัลขึ้นมาซักวง (ให้แจ้งเกิด) เป็นเรื่องไม่ง่าย
เช่นเดียวกับวงดนตรีสายร็อกแทบทุกวงบนโลกใบนี้ G6PD เริ่มต้นกันแบบทำเองขายเอง แบบที่มีคำเรียกติดปากว่า D.I.Y. (Do it yourself) แต่ความดีไอวายตรงนี้ก็ดีพอที่จะไปเข้าตาของพี่ สมศักดิ์ แก้วทิตย์ หนึ่งในสมาชิกวงเมทัลรุ่นใหญ่ของไทยอย่าง ดอนผีบิน และกลายเป็นการเซ็นสัญญาเข้าเป็นศิลปินในสังกัด Day One Records (ในทรรศนะของผู้เขียน เรามองว่าวงออกสตาร์ตได้ดีกว่าหลาย ๆ วงในเมืองกรุงเสียอีก)
และด้วยความที่เนื้อเพลงส่วนใหญ่ในผลงานยุคแรก ๆ ของวงหนักไปทางภาษาไทย บวกกับความเข้มข้นในผลงานที่เข้าตาแวดวงคนฟังเพลงทางเลือก ก็ทำให้อัลบั้มแรกอย่าง Past of Pieces ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสีสันอวอร์ดส์ในสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมด้วย หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้งานชุดนี้เข้าเกณฑ์คือการสื่อสารเรื่องราวในภาษาไทยเป็นหลัก เพราะถ้าขาดตรงนี้ไป ให้งานออกมาดีแค่ไหนก็จะไม่เข้าเกณฑ์ตรงนี้ ตรงนี้ก็เป็นอีกไมล์สโตนหนึ่งที่ปักหมุด G6PD ลงบนแผนที่ประเทศไทยในยุคแรกเริ่มไว้อย่างแข็งแรงและมั่นคง
หลังจากออกอัลบั้มที่สอง The Grand Murder กับค่ายเดย์วันในปี 2007 ผลงานในยุคหลังจากนั้นหันทำมาเองปล่อยเองกันอยู่พักใหญ่ มีงานโดดเด่นอยู่หลายชิ้น เช่นซิงเกิล “The Resistance” ที่ได้พี่เอ๋ นักร้องนำวง Ebola มาแจมด้วย หรืองานชุด Objective Reality เป็นต้น แต่ช่วงที่เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในยุคล่าสุดของวงจริง ๆ และไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือการเข้ามาอยู่ใต้บ้านหลังใหม่อย่าง VOM Records ค่ายเพลงเมทัลที่มีเบื้องหลังเป็นพี่โอ๊ค วง Big Ass และพี่สมเมย์วง Labanoon เพราะด้วยดีเอ็นเอความเป็นเมทัลเฮดที่วงมีอยู่แล้ว ผนวกเข้ากับประสบการณ์ในตลาดเพลงไทยของผู้บริหารค่าย ก็ต้องบอกตามตรงว่า นี่คือช่วงเวลาของการใส่สุด
หากฟังผลงานยุคก่อนหน้าของวง แล้วข้ามมาฟัง “The Red Falls” ที่ออกมาเมื่อสองปีก่อน จะสัมผัสได้เลยว่า ถึงแม้จะเป็นวง G6PD วงเดิม ที่เล่นดนตรีเมทัลคอร์เหมือนเดิม แต่ทุกอย่างถูกตีบวกขึ้นแบบจุใจ ไม่ใช่นักรบป่าเถือนตามป่าเขาแต่เป็นอัศวินเกราะเหล็กที่พร้อมรบทุกสมรภูมิ ช่วงหนึ่งมีการลองของ เปลี่ยนกลิ่นใหม่ ด้วยการดึงเอาหนึ่งในแร็ปเปอร์ที่ iconic โคตร ๆ คนหนึ่งของเมืองไทยอย่าง VKL (ที่หลายคนจำได้แค่เป็นลูกชายหม่ำ จ๊กมก แต่เราอยากบอกว่าในสายฮิปฮ็อปแล้ว VKL นี่ของจริง ไปลองฟังกันได้) มาแจมด้วยกัน ผลงานเพลงนั้นชื่อ “Outcasts”
Outcasts เป็นเพลงลูกผสมระหว่างเมทัลคอร์ดุดันสับแหลก ที่ผ่าตัดใส่ความแปลกเข้ามาเป็นท่อนเซิ้งผสมแร็ป แปลกเมื่อฟังครั้งแรก แต่เวลาผ่านไปต้องกลับมาฟังใหม่ด้วยความอร่อยหู (ฟีลบ้านงานมันอยู่ในสายเลือด) เพลงเมทัลคอร์ที่ท่อนโซโล่เซิ้งได้ในประวัติศาสตร์ประเทศไทยมันมีกี่เพลงกันเชียวคุณ
หลังจากทดลองทำนั่นทำนี่กันในรูปแบบซิงเกิลอยู่หลายเพลง ล่าสุด G6PD มีอีพีชุดใหม่ภายใต้ชายคา VOM Records ออกมาแล้ว ชื่อ All Eyes Under God หลัก ๆ เป็นการนำเพลงที่ปล่อยออกมาก่อนหน้ามารวมไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เปิดด้วยเพลง “Dying Sky” ที่ปูพรมเข้าเพลงด้วยซาวด์พื้นบ้านล้านนาให้รู้ว่าเป็นคนบ้านไหน (และไม่ได้ทำกันแบบติดเล่น แต่ได้ ครูแอ๊ด-ภานุทัต อภิชนาธง ศิลปินพื้นเมืองเชียงใหม่มาร่วมทำเพลงด้วยอย่างจริงจัง) และงานเพลงใหม่ล่าสุดชื่อเดียวกับอีพีชุดนี้อย่าง “All Eyes Under God” ก็วางอยู่ในตำแหน่งปิดท้ายให้ได้ทำความรู้จักกับยุคล่าสุดของวงกันอย่างเข้มข้น
หนึ่งใน key takeaway สำคัญในการยืนวงการของ G6PD ที่ทำให้วงอยู่คู่ซีนเพลงเมทัลไทยมาได้ถึงสองทศวรรษคือการเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะหากพูดกันตามตรง เมทัลคอร์ ก็ไม่ใช่สายธารหลักให้คนเล่นเพลงสายหนักได้ลงไปแหวกว่ายกันแล้ว แต่ถ้าเรารู้ว่าวงดนตรีวงนี้มีอยู่เพื่อสร้างผลงานแบบไหน เรื่องกระแสอาจไม่จำเป็นและไม่สำคัญเท่าการเดินหน้าทำผลงานให้ดี และทั้งตัวเพลงและการแสดงสดของ G6PD ตลอดหลายปีที่ผ่านก็พิสูจน์แล้วว่า วงเมทัลจากเชียงใหม่วงนี้ ‘มีของ’ พร้อมปล่อยอีกมากมาย
แล้วมาเจอกันกับโชว์ต่อไปของ G6PD ได้ที่คอนเสิร์ต Kokeshi Live in Bangkok การแสดงสดของวงดนตรีแนวแบล็กเกซที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความหลอนสไตล์ J-horror ส่งตรงจากกรุงโตเกียว ในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายนนี้ที่ De Commune และ พิเศษ! นอกจากที่ไทย ในวันถัดไป G6PD ก็จะไปเล่นในเทศกาลดนตรี BLVCK ที่กรุงฮานอยต่อ โดยในงานนี้ก็จะมี Kokeshi เป็นเฮดไลน์ด้วยเช่นกัน ใครอยากตามไปเชียร์ก็บินตามกันได้ แต่ถ้าเอาที่เมืองไทยแบบพอหอมปากหอมคอ ก็เข้าไปกดบัตร pre-sale ราคา 700 บาทกันที่เว็บไซต์ Ticketmelon ที่ลิงก์นี้ได้เลย แล้วเจอกันวันงาน Razor Riff ยิน
ดีให้บริการและรับประกันความมันนนนนนนนนนนนนนนส์แบบเต็มเม็กซ์
⛩️ KOKESHI Live in Bangkok ⛩️
ซื้อบัตร คลิก: ticketmelon.com/razorriff/kokeshi
ปล. นอกจากผลงานในนามวง G6PD แล้ว เรามี side story ที่น่าสนใจมาให้อ่านกันเพิ่มเติม เป็นบทสัมภาษณ์ของพี่ ต้องจี้ มือกีตาร์ของวง ในฐานะ art handler ผู้ติดตั้งงานศิลปะ อีกหนึ่งอาชีพที่มีเรื่องราวน่าสนใจไม่แพ้วงเมทัลจากเชียงใหม่วงนี้ หากสนใจ คลิกอ่านเพิ่มเติมกันที่นี่ได้เลย: Lanner Joy: สำรวจมุมมองนักติดตั้งผลงานศิลปะจากเชียงใหม่ และก้าวใหม่แห่งการก่อตั้ง “New Found Art Handler”