lifesick

Review: “Loved by None, Hated by All” งานแรกภายใต้ค่ายใหญ่ของวงฮาร์ดคอร์แดนโคนม Lifesick

หลังจากสร้างชื่อเสียงในประเทศบ้านเกิดอยู่พักใหญ่จนมีผลงานออกมาถึงสามอัลบั้ม ล่าสุด Lifesick วงเมทัลลิกฮาร์ดคอร์จากเฟรเดอริเซีย เมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบของเดนมาร์ก ก็ได้โอกาสปล่อยของสู่ผู้ฟังในวงกว้างขึ้นกับอัลบั้มเต็มชุดใหม่ชื่อว่า Loved by None, Hated by All ที่ครั้งนี้ได้ค่ายเพลงสายหนักยักษ์ใหญ่อย่าง Metal Blade Records เป็นสายส่งใหญ่ช่วยกระจายของสู่เหล่าคอเพลงฮาร์ดคอร์

ด้วยความยาวอัลบั้ม 33 นาทีกับเพลงจำนวนถึง 10 เพลง ก็ทำให้เรารู้ได้ทันทีตั้งแต่ก่อนเปิดฟังว่า ต้องเป็นการเสิร์ฟความหนักแบบรวบรัดชัดเจนและไม่มีช่วงให้หยุดพักแน่นอน และก็เป็นไปตามคาดเพราะ Deathwish แทร็กเปิดอัลบั้มมีช่วงอินโทรหลอนหูให้ได้ยินแค่ราว ๆ 20 วินาทีเท่านั้น ส่วนหลังจากนั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์ความเอ็กซ์ตรีมที่มีดนตรีฮาร์ดคอร์เป็นแนวเพลงยืนพื้น แล้วเสริมองค์ประกอบของดนตรีเมทัลเข้าไปตามสไตล์ชื่อแนวเมทัลลิกฮาร์ดคอร์ ซึ่งเป็นคำนิยามดนตรีของวง

และด้วยความที่เป็นวงดนตรีฝั่งสแกนดิเนเวียน จึงไม่ต้องสืบเลยว่าอิทธิพลดนตรีในฟากเมทัลที่วงได้มานั้นมาจากไหน หากคุณชอบฟังดนตรีสวีดิชเมทัลที่โดดเด่นด้วยลูกริฟฟ์กีตาร์เท่ ๆ หรือกลองบลาสต์บีตแบบพวกเดธก็มีโผล่มาให้ได้ยิน Lifesick มีเสิร์ฟให้จุใจควบคู่ไปกับความหนักแบบฮาร์ดคอร์ โดยที่ไม่ทิ้งรากเหง้าความเป็นดนตรีที่ออกแบบมาเพื่อเล่นสด และกระตุ้นให้คนเปิดมอชพิตฟาดแข้งขาใส่กันด้วยท่อนเบรกดาวน์ซาวด์หนาแน่นแบบที่ฟังแล้วต้องมุ่ยหน้าอย่างขึงขัง และจะรู้สึกผิดหากเผลอยิ้มออกมา

 

 

และถ้าคุณชอบความดิบเถื่อนสไตล์ chainsaw sound แบบที่เหล่าวงสวีดิชเดธชอบใช้ (ผ่านเอฟเฟกต์เสียงแตกในตำนานอย่าง Boss HM-2) งานชุดนี้เราต้องบอกว่าตอบโจทย์โคตร ๆ—จากที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์มาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางวงดูชอบซาวด์ดนตรีที่สดและไม่ผ่านการขัดเกลามากนัก ถึงขั้นอัดเสียงแบบไม่ใช้เมโทรนอมคอยบอกจังหวะ และโชคดีมากที่ค่ายเพลงต้นสังกัดยอมให้พวกเขาทำผลงานในรูปแบบนี้ออกมา

นอกจากความหนัก เราจะเริ่มได้เห็นชั้นเชิงทางดนตรีผ่านไอเดียในการแต่งเพลงของวงมากขึ้นในช่วงท้ายเพลงที่ 4 อย่าง Hollow Treats ที่วงเริ่มผ่อนความหนัก ลดกีตาร์เสียงแตก หยุดสำรอก แล้วทำ outro ส่งต่อไปเพลงต่อไปด้วยการใช้การเกากีตาร์เข้ามาสร้าง ambient เป็นตัวดำเนินเรื่องราวส่งต่อเข้าเพลงต่อไปอยู่กว่าหนึ่งนาที

ที่กึ่งกลางของอัลบั้มคือ Legacy of Misery หนึ่งในเพลงโปรโมตก่อนอัลบั้มวางจำหน่าย เพลงนี้ไม่รวดเร็วเท่าช่วงต้น แต่เพิ่มระดับความรุนแรงเข้ามาแบบช้าแต่ชัวร์ และทำให้เราได้ยินลูกเล่นของฝั่งกีตาร์ในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ส่วน Poems for My Funeral แทร็กลำดับที่หกของอัลบั้ม พาเราย้ายเข้าไปในบรรยากาศที่แตกต่างจากทุกเพลงก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด มีความยืดยานหนืดหน่วง เน้นการออกหมัดหนักแบบเข้าเป้ามากกว่ารัวย้ำซ้ำเข้าไป สำเนียงกีตาร์มีความเดธโดดเด่นมาก ๆ แต่ก็ยังอยู่ร่วมกันกับท่อนเบรกดาวน์ช่วงออกแข้งออกขามอชพิตกันได้

อีกหนึ่งไฮไลต์ของอัลบั้มนี้คือเพลง (เกือบ ๆ จะ) ไตเติลแทร็กอย่าง Loved by None ซึ่งเป็นเพลงโปรโมตเช่นกัน โดยส่วนตัวยกให้เพลงนี้เป็นพระเอกที่ครบรสที่สุดในอัลบั้ม มีทุกอย่างทั้งท่อนสับแหลกชวนให้ออกวิ่งสร้างเซอร์เคิลพิต กลองบลาสต์บีตลืมตาย ท่อนสำรอกใส่สุดจนคอแตก เป็นเพลงที่ใส่ความเป็นเอ็กซ์ตรีมเข้ามาได้ถึงพริกถึงขิงที่สุด และครึ่งหลังก็เปิดพื้นที่ในท่อนเบรกดาวน์ให้ใส่กันยับ หากเปรียบเป็นปืนก็หมดแม็กละครับงานนี้ ส่วนสองเพลงสุดท้ายอย่าง The Mourning March และ Straight Jacket ก็ยังเสิร์ฟทุกอย่างให้คนฟังแบบไม่แตะเบรกเหมือนที่ทำมาตลอดอัลบั้ม

 

 

อีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ Loved by None, Hated by All ชุดนี้แตกต่างจากงานอื่น ๆ คือ ทางวงเลือกสื่อสารความเกรี้ยวกราดออกมาในหัวข้อของความซึมเศร้า-ความวิตกกังวลเป็นหลัก ผ่านประสบการณ์ส่วนตัวของ Simon Shoshan นักร้องนำของวงเอง ยกตัวอย่างเช่นการแหกปากกู่ร้องชื่ออัลบั้มนี้ออกมาในช่วงครึ่งหลังของเพลง Loved by None นี่เรียกว่ากรีดลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ การสื่อสารของงานชุดนี้มีความเจ็บปวดเป็น theme หลัก ยิ่งฟังยิ่งเข้าถึง ยิ่งฟังมากขึ้นยิ่งเขาใจ

ใครชอบฟังวงดนตรีสไตล์ใส่สุด ไม่ว่าจะเมทัลหรือฮาร์ดคอร์ อาจจะเป็นแฟนเพลงของ Nails, Hatebreed, Entombed หรือแม้แต่ Harm’s Way ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับความดุดันจากวงฮาร์ดคอร์แดนโคนมวงนี้กันได้ เชื่อว่าจะมีหลายแทร็กที่หลายเป็นเพลงโปรดเพลงใหม่ให้กลับมาฟังซ้ำในอนาคตได้ไม่ยาก ถือเป็นการเปิดตัวกับค่ายใหญ่ที่ก็ถึงใจจนอยากรู้เหมือนกันว่าก้าวต่อไปของพวกเขาจะเป็นอย่างไร

แต่ก่อนจะพูดถึงก้าวที่ไกลออกไปไกลในอนาคต เราขอชวนทุกท่านมาร่วมก้าวในระยะสั้น ๆ ด้วยกันในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ที่ Blueprint Livehouse เพราะพวกเขา Lifesick จะมาเปิดการแสดงให้ได้ชมกันแบบสด ๆ กับราคาบัตรเพียง 500 บาทเท่านั้น พร้อมด้วยวงเปิดอีก 3 วง ได้แก่ Sheoll จากฟิลิปปินส์ และสองวงบ้าพลังอย่าง Ugoslabier จาก VOM Records และ Carry On จาก Holding On Records ในฐานะตัวแทนประเทศไทย

จัดบัตรได้ที่ลิงก์นี้ ticketmelon.com/blueprint/lifesick-live-in-bangkok แล้วเจอกันวันงานครับผม!