2025 เป็นอีกปีที่มีศิลปินซึ่งมีผู้คนเคารพรักเป็นจำนวนมากจากโลกนี้ไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Ozzy Osbourne แห่งวง Black Sabbath ผู้เป็นเสมือนพระบิดาแห่งแนวเพลงเฮฟวีเมทัล หรือเมื่อเร็ว ๆ นี้อย่าง Ace Frehley หนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของวงร็อกระดับตำนานอย่าง Kiss และ Sam Rivers มือเบสวงนูเมทัลขวัญใจมหาชนแห่งยุคมิลเลนเนียลส์อย่าง Limp Bizkit หรือหากย้อนกลับไปหลายปีก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุการณ์ใหญ่อย่างการจากไปของ Chester Bennington ของวง Linkin Park เป็นต้น
การเสียชีวิตของนักดนตรีที่เราชื่นชอบนั้นแปลกประหลาด เพราะแม้ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ทว่าเรากลับผูกพันกับผลงานและการมีอยู่ของพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งเมื่อถึงวันจากไป ไม่ว่าจะเป็นด้วยวัยชราตามกาลเวลา หรือจากเหตุการณ์ที่พรากพวกเขาไปก่อนวัยอันควร (ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าควรเป็นเมื่อไรกันแน่) ย่อมเป็นเรื่องน่าเศร้าและใจหายด้วยกันทั้งนั้น
แล้วเราจะรับมือกับความสูญเสียของบุคคลนอกครอบครัวอันเป็นที่รักที่จากไปอย่างไร?
ในภาษาอังกฤษ มีคำกล่าวหนึ่งเกี่ยวกับความสูญเสียว่า ‘Everyone grieves differently’ (เราทุกคนเศร้าโศกในรูปแบบที่แตกต่างกัน) ซึ่งนั่นอาจทำให้การรับมือกับการจากไปของศิลปินที่เรารักทำได้ยากขึ้น เพราะไม่มีสูตรตายตัวว่าจะต้องทำแบบไหนให้ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีที่เราสามารถ (ลอง) ทำได้
5 ขั้นตอนรับมือเมื่อศิลปินจากไป
บทความชิ้นหนึ่งของ Sailor Hill นักเขียนของเว็บไซต์ Berkeley B-Side ได้แนะนำขั้นตอนการรับมือไว้ 5 ระดับด้วยกัน คือ
1) ปล่อยให้ความเศร้านั้นเกิดขึ้นมา ยอมรับว่าความเศร้านั้นมีจริง
2) มองหาความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัวที่ไว้วางใจ
3) ถ้าไม่ไหวให้งดเสพสื่อ
4) หากคิดถึง (และไหว) ให้เปิดเพลงฟัง
5) และถ้าทำได้มากกว่าฟัง อาจลองเขียนถึง หยิบเครื่องดนตรีมาเล่น หรือทำอะไรเพื่อระลึกถึงการจากไป
แม้จะฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวจนหลาย ๆ คนอาจมองว่า ก็แค่ศิลปินคนนึงที่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว นั่นจริงสำหรับคนอื่น แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวคุณ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลของคนอื่นเข้ามาทำให้ความเศร้าเหล่านี้หายไป
คนอื่นไม่เข้าใจ ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา
Nicki Iskander ซึ่งเป็น massage therapist (นักบำบัดด้วยการนวด) ซึ่งทำงานกับวง Foo Fighters อย่างใกล้ชิด เขียนบล็อกชิ้นหนึ่งเมื่อครั้ง Taylor Hawkins มือกลองของวงจากไปว่า ‘Some people won’t get it (and that’s ok)’ (บางคนก็ไม่เข้าใจหรอก ซึ่งมันก็ไม่ผิดอะไร) เราโศกเศร้ากับการจากไปของคนที่เราไม่รู้จักได้ ไม่ใช่เรื่องผิด
และในฐานะของการเป็นแฟนเพลงคนหนึ่ง Nicki มองว่าความโศกเศร้าในรูปแบบนี้นั้นเป็น communal experience หรือ ‘ประสบการณ์ร่วม’ ซึ่งการรับรู้ความจริงข้อนี้ว่ามีคนมากมายเศร้าไปกับเราด้วย ก็ช่วยทำให้เราสามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
“คุณจะได้รู้สึกถึงความเป็นพันธมิตรระดับโลกแบบนี้ เวลาคุณเสียใครซักคนที่ไม่มีชื่อเสียงไป การโศกเศร้าในฐานะแฟนเพลงมันมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์บางอย่างในแบบของมัน เป็นการเชื่อมถึงกันที่ทลายกำแพงที่กั้นอยู่ให้หายไป”
“ความโศกเศร้ามันอาจกลายเป็นประสบการณ์อันแสนโดดเดี่ยวที่รุนแรงได้ เวลาคุณเศร้า มันจะรู้สึกเหมือนโลกยังคงหมุนต่อไป แต่คุณยังยืนอยู่ในจุดเดิม คุณจะไม่ยืนจุดนี้คนเดียวในฐานะแฟนเพลง” – Nicki เขียนไว้ในบล็อกของเธอ
ตัวจากโลกไป ไม่ได้แปลว่าเราขาดกัน
แม้ศิลปินหลาย ๆ คนจะจากโลกนี้ไปก่อนเรา แต่ไม่ได้หมายความว่า ‘connection’ ระหว่างตัวเรากับพวกเขาเหล่านั้นต้องหายไปพร้อมการเคยมีอยู่ของเจ้าตัวด้วย ยังมีผลงานให้รำลึกถึง ยังมีประสบการณ์มากมายให้จดจำ ยังมีความทรงจำดี ๆ ให้เล่นซ้ำเพื่อย้อนกลับไปรู้สึกถึงวันวาน วันที่ผลงานของพวกเขาทำให้เรามีความสุขจนเป็นแฟนเพลงมาจนถึงปัจจุบัน
ไม่ว่าคุณจะกำลังคิดถึงใคร โปรดจงรู้ไว้ เราเป็นกำลังใจให้เสมอ
Sources
• The day the music dies: A step-by-step guide to coping with the loss of musical heroes (berkeleybside.com)
• Lessons On Grieving As A Fan (nickirmt.com)





